ดูหนัง Ironheart (2025) ไอรอน ฮาท

เรื่องย่อ
Fok Chi-ho (ดอนนี่ เยน) — อดีตตำรวจดังที่หมดศรัทธาต่อระบบยุติธรรม หลังการจับกุมปล่อยให้ผู้ร้ายลอยนวล ครั้นต่อมาเขาลาออกจากตำรวจ เรียนกฎหมาย และกลายเป็นอัยการประจำกระทรวงยุติธรรม เขารับคดีส่งยา (Ma Ka-kit) ซึ่งถูกบอกให้ยอมรับสารภาพโดยทนายและผู้ช่วยทนาย (Li, Au) ในทางที่ผิด — Fok เห็นความผิดปกตินี้ จึงเริ่มสืบสวนพบว่ามีเครือข่ายอาชญากรซ้อนอยู่ (Au Pak-man ทนายแต่จริง ๆ เป็นหัวหน้าเครือข่าย, Lau เจ้าของร้านที่ว่าจ้าง, ลูกพี่ลูกน้องของ Chan ที่จัดคนมายืมที่อยู่ ฯลฯ) Ma Ka-kit ถูกลอบสังหาร — Fok จึงผลักดันให้มีการอุทธรณ์ และพยายามหาหลักฐานเพื่อให้ Chan มาเบิกความในศาล ถึงจะถูกไล่ล่าและเกิดการต่อสู้กัน แต่ Chan ยื่นฟ้องในชั้นศาลสำเร็จ — ผู้ต้องหาพ้นผิด เครือข่ายอาชญากรถูกจับ
จุดเด่นที่น่าสนใจ
บท & ธีม
บทภาพยนตร์เขียนโดย Edmond Wong ดัดแปลงจากคดีจริง — ประเด็นที่โดดเด่นคือความไม่ปลอดภัยของระบบกฎหมาย และความเสียหายจาก “การพลั้งพลาดแห่งศาล” ที่อาจถึงชีวิต
การกำกับ & ภาพเหนือเทคนิค
ดอนนี่ เยนกำกับและแสดงเอง และปรับโทนจากกฎหมายเป็นแนว action-legal hybrid โดยมี Kenji Tanigaki และ Takahito Ouchi ดูแลคิวบู๊ และใช้เทคนิคกล้องสมัยใหม่ (drone, POV shot) แต่ยังรักษาความสมจริง ไม่พึ่ง CGI หรือเอฟเฟกต์เกินพอดี
ฉากแอ็กชันที่เตะตา
รีวิวหลายสำนักยกให้ฉากแอ็กชันเป็นไฮไลต์สุด:
ฉากลานจอดรถตอนต้นเรื่อง: คล้ายเกม Call of Duty / Hardcore Henry — มุมกล้องกระโดดระหว่างคนยิงกับ POV ไหลลื่น
ฉากโต๊ะ-ลานบาร์แบบ Jackie Chan สไตล์: มีการใช้โต๊ะ เก้าอี้ เสา เป็นอาวุธ พลิกคิวบู๊เสียดสีได้อย่างสร้างสรรค์
ฉากตู้รถไฟใต้ดิน (MTR): ต่อสู้กลางขบวน — ผู้คนหนีตื่น ตึงเครียด และแอ็กชันอยู่กับที่ แต่เต็มอารมณ์และน่าดึงดูด
บทของ Fok: แม้จะอายุเกิน 60 แล้ว แต่ยังเคลื่อนไหวทัน และยอมรับข้อจำกัดของตัวเอง เช่น “เข่าฉันไม่ไหวแล้ว” แสดงความเป็นมนุษย์นั่นเอง
บทวิจารณ์เด่น ๆ
The Guardian ชี้ฉากแอ็กชันสร้างสรรค์แต่อินโทรศาลและเรื่องราวกฎหมายออกจะ “แข็งทื่อ” และพยายามรวมสองโลกที่ต่างกัน — แม้มีชั้นเชิงดีแต่ความเร้าอารมณ์หยุดชะงักในบางช่วง
Roger Ebert กล่าวว่าแม้บางช่วงอาจอืดหรือคล้ายทำเพื่อ “บทเรียนพลเมืองศึกษา” แต่ท้ายที่สุดฉากแอ็กชันโดยเฉพาะในรถไฟก็ “ช่วยพาเรื่องไป”
MAAC Review แนะนำว่าถึงนิยมความเป็นแอ็กชัน แต่เรื่องนี้เน้นเรื่องเล่าเข้มข้นทีละก้าว — มันดูไม่เร็ว แต่เข้มข้นและเล่าเรื่องได้ดี
Action Reloaded ชื่นชมความบาลานซ์ระหว่างความคิดและความดิบ — ไม่ใช่แค่โจมตีปิดปากคนร้าย แต่เป็นการต่อสู้ในระบบที่ “ขาดแสงสว่าง” — เป็นงานดอนนี่ เยนที่สุดทั้งเป็นนักบู๊และผู้กำกับในวัยหลังรุ่นอย่างมีประสบการณ์
ผลงานการแสดงของตัวละครหลัก
Donnie Yen (Fok Chi-ho): แสดงถึงความเข้มแข็งและความ “จริงใจ” ในบทบาทที่ซับซ้อน: โปรเฟสชันขัดแย้งกับจิตวิญญาณนักบู๊ การเปลี่ยนผ่านอาชีพ และความเคร่งครัดต่อกฎหมายแต่ใช้กำปั้นเมื่อจำเป็น
Julian Cheung (Au Pak-man): นักกฎหมายที่แฝงตัวเป็นนักค้ายา — แสดงได้มีน้ำหนักและมีความเศร้าซ่อนอยู่
Francis Ng (Yeung Dit-lap): อัยการอาวุโสที่จูนกับ Fok ได้ในตอนท้าย, บทซับซ้อนและเปลี่ยนมุมมองได้พอดี
Kent Cheng (Bao Ding) และ MC Cheung (Inspector Lee): ส่วนผสมของความจริงใจและความอ่อนเยาว์ ช่วยสร้างบรรยากาศให้เรื่องดูเป็นจริง
นักแสดงสมทบอย่าง Ray Lui, Mark Cheng, Mason Fung (ผู้ถูกกล่าวหา) ช่วยเติม empathy และสีสันให้เรื่องไม่เรียบเกินไป
ความคิดเห็นโดยรวม — เหมาะดูหรือไม่?
จุดแข็ง
แอ็กชันจัดเต็ม, บทบาท “นักบู๊ผู้ไว้สูท” โดดเด่น
มีเมตตา (emotion) และมุ่งมั่นชัด — เหมาะกับคนชอบหนังแอ็กชันที่มีความหมาย
เทคนิคกล้องทันสมัยแต่ไม่เยอะเกินความจริง — ให้ความรู้สึกเข้าถึงการต่อสู้
หักมุมจาก “หนังบู๊” เดิม ๆ — มารวมกับแนวกฎหมาย บ่งบอกพัฒนาการผู้กำกับ/ดารา
ข้อด้อย
บางครั้งเนื้อหาทางกฎหมายหรือฉากศาลรู้สึก “แข็ง” หรือเป็น lecture มากไป — อาจทำให้คอหนังที่ต้องการความสมจริงอึดอัด
บทวิจารณ์ชี้ว่ายังไม่กลมกล่อมระหว่างสองแนว — การเปลี่ยนจากดราม่าไปแอ็กชันมีบางจังหวะติดขัด
สรุป
เดอะ โปรซิคิวเตอร์ เกิดมาเก็บเจ้าพ่อ เป็นหนังแอ็กชั่นสาย Legal-Thriller ที่ ดอนนี่ เยน ทั้งกำกับและแสดง ถ่ายทอดภาพของ “อัยการอดีตตำรวจ” ที่ใช้ทั้งสมองและกำปั้นเพื่อต่อสู้กับระบบที่ไม่ยุติธรรม แม้จะมีช่วงที่บทศาลดูแข็งหรือเน้นคำพูด แต่ฉากแอ็กชันระดับ Hayden — โดยเฉพาะตอนสู้บนรถไฟใต้ดิน — เป็นสิ่งที่แฟนหนังไม่ควรพลาด